วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

The Legend of Hercules: The Legend Begins

เขียนโดย Miiz16s ที่ 05:27 0 ความคิดเห็น

The Legend of Hercules  


ทุ่มทุนสร้างสุดอลังการกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลงานโดยผู้สร้าง The Expendables ทั้งสองภาค และผู้กำกับ Die Hard 2 เรื่องราวต้นกำเนิดของ “เฮอร์คิวลิส” วีรบุรุษแห่งกรีก ผู้ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นผู้ชายทรงพลังที่สุดในโลก เขากำลังจะกลับมาในภาพยนตร์บล็อคบัสเตอร์สามมิติเรื่องยิ่งใหญ่เปิดศักราชปี 2014

ในยุคสมัยที่อารยธรรมกรีกยังรุ่งเรือง เฮอร์คิวลิส (เคลแลน ลัตซ์) เจ้าชายหนุ่มรูปงามใช้ชีวิตโดยไม่รู้ว่าบิดาที่แท้จริงของเขาคือใคร เขามีความต้องการในชีวิตเพียงอย่างเดียว นั่นคือการครองรักกับ ฮีบี เจ้าหญิงแห่งเกาะครีต ที่กำลังถูกจับให้แต่งงานกับพี่ชายของเขาเพื่อขยายอำนาจปกครอง แต่หลังจากที่ เฮอร์คิวลิส ได้รับรู้ถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง และเป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่าความรัก เขาต้องเลือกที่จะเดินตามพรมลิขิต ซึ่งก็ให้เขากลายเป็นวีรบุรุษที่มีชื่อเสียงที่สุดในตำนานเทพเจ้ากรีก

Director: Renny Harlin
Stars: Kellan Lutz, Gaia Weiss, Scott Adkins, Liam Garrigan
99 min - Action/Adventure - 13+

นักแสดงไม่คุ้นหน้าสักคน หรือฉันโง่ไม่รู้จักเขาเองหว่า? = = ถ้ากล่าวรวมๆ The Legend of Hercules ถือว่าทำได้ดี "แค่ในระดับหนึ่ง" แต่ยังไม่ถึงขั้นสุด ที่เจ๋งจริงๆ คือภาพและฉากต่อสู้ที่มันมาก ได้อารมณ์สุดๆ หลายๆ ฉากเช่นลานประลอง ทำได้สวย เหมือนเข้าไปอยู่ในยุคนั้นจริงๆ น่าเสียดายที่เนื้อเรื่องค่อนไปทางน่าเบื่อ ดำเนินเรื่องง่ายๆ ทำให้เดาตอนต่อไปได้ง่ายๆ ตามไปด้วย ยังดีที่ไม่ออกทะเล ทุกอย่างพุ่งไปตรงที่พ้อยท์ของเรื่อง มีการเล่าเรื่องตั้งแต่ความเป็นมาของเฮอร์คิวลิสเรื่อยมา ตั้งแต่เปิดตำนานจนปิดตำนานด้วยเวลาเพียง 99 นาที ทำให้การเดินเรื่องรวดเร็วและกระชับ ไม่ซับซ้อน ไขทุกคำถามไม่มีข้อติดค้างในตอนจบของเรื่องไม่มีข้อกังขา ซึ่งตรงนี้ถือว่าทำได้ดี

แอบสงสารผู้หญิงกรีก ผู้ชายนมใหญ่กว่า -..-


Every Man Has A Destiny
'มนุษย์ทุกคนล้วนมีชะตากรรมที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาให้ เฮอร์คิวลิส เจ้าชายผู้เพียบพร้อมทุกอย่าง สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือครองรักกับฮีบี เจ้าหญิงแห่งเกาะครีต ทว่าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อการนั้น เขาเกิดมาพร้อมโชคชะตาที่เทพซูสมอบให้ สมรภูมิรบจะทำให้เฮอร์คิวลิสกลายเป็นวีรบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก' เนื้อเรื่องแตกต่างจากตำนาน 'ค่อนข้างมาก' เฮอร์คิวลิสเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้เก่งโอเวอร์ เขาเป็นเพียงนักรบผู้มีสิทธิ์แพ้ชนะในสังเวียน ทำให้คนดูพลอยลุ้นและคอยเชียร์ตามไปด้วย แม้เนื้อเรื่องจะแปลกไปจากเดิม แต่กลับดำเนินเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ทำให้เดาตอนต่อไปได้ง่าย ซึ่งอาจไม่ค่อยถูกใจคนที่ชอบดูพล็อตเรื่องสักเท่าไหร่


การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
แก้ตัวจากพล็อตเรื่อง The Legend of Hercules มีฉากต่อสู้อยู่ระดับที่เรียกได้ว่า 'มันสุดยอด' จัดเต็มกว่าชั่วโมงครึ่ง ทั้งการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และสมรภูมิรบ แต่ละฉากเข้าถึงอารมณ์ได้ดี และทำให้คนดูลุ้นตามไปด้วยเสมอ อีกทั้งเอฟเฟคที่ทำออกมาได้สวยราวกับมีพลังพิเศษจริง ถูกอกถูกใจคอหนังบู๊เป็นพิเศษ นักแสดงสื่ออารมณ์ออกมาได้ค่อนข้างดี ความสุข ความเศร้า ความแค้น ความเกลียดชัง ถูกเค้นออกมาจากสีหน้าและท่าทางของนักแสดง จัดว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง


Hercules: The Legend Begins: 7/10

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

The Wolf of Wall Street: 'Sell me.. This pen'

เขียนโดย Miiz16s ที่ 07:31 0 ความคิดเห็น
ต้อนรับเดือนแห่งความรักด้วยการนำเงินใส่พานไปประเคนให้กับผู้ชายที่ฉันแอบชอบมานาน(?).. T-T ไม่ผิดหวังเลยสำหรับการรอคอยการกลับมาของ Leonardo DiCaprio ในบทบาทของ 'หมาป่าแห่งวอลล์สตรีท' ใน The Wolf of Wall Street สุดยอดหนังชีวประวัติแนว Crime and Comedy เข้าชิงออสการ์ 5 สาขา สมราคาคุย ดูแล้วพูดได้คำเดียว "โคตรคุ้มค่า!"

The Wolf of Wall Street


เรื่องราวการขึ้นสู่จุดสูงสุดและลงสู่จุดต่ำสุดของโบรคเกอร์หนุ่มที่ถูกทุกคนในวงการเรียกว่า 'หมาป่าแห่งวอลล์สตรีท' ผลงานการกำกับโดยสุดยอดผู้กำกับ มาร์ติน สกอเซซี่ย์ ที่กลับไปร่วมงานกับนักแสดงคู่ใจอย่าง ลีโอนาโด ดิคาปริโอ อีกครั้ง

สร้างจากชีวิตจริงของ จอร์แดน เบลฟอร์ด (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มไฟแรงในวอลล์สตรีท ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาทำเงินได้อย่างมหาศาล ก่อนที่จะผลาญเงินไปมหาศาลยิ่งกว่ากับปาร์ตี้ เหล้ายา เซ็กส์ จนในที่สุดก็ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์และฟอกเงินในปี 1998 ถูกขัง 22 เดือนในเรือนจำของรัฐ และถูกแบนจากตลาดหุ้นไปตลอดชีวิต โดยปัจจุบัน เบลฟอร์ด ก็กลายเป็นนักเขียนหนังสือขายดี และเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐ

Director: Martin Scorsese
Stars: Leonardo DiCaprio, Jonah Hill, Matthew McConaughey, Margot Robbie
180 min - Biography/Comedy/Crime - Rate 18+

Nominated Oscar 2014 
- Best Performance by an Actor in a Leading Role (Leonardo DiCaprio)
- Best Performance by an Actor in a Supporting Role (Jonah Hill)
- Best Achievement in Directing (Martin Scorsese)
- Best Writing, Adapted Screenplay
- Best Motion Picture of the Year

Won Golden Globe 2014
- Best Performance by an Actor in a Motion Picture - Musical or Comedy (Leonardo DiCaprio)

Nominated Golden Globe 2014
- Best Motion Picture - Comedy or Musical

ขอติก่อนนิดนึง หนังเรื่องนี้ถูกจัดเรท 18+ ซึ่งก็เข้าวันที่ฉันอายุครบ 18 พอดีเลยขอเปิดประเดิมหนัง 18+ อย่างเป็นทางการครั้งแรกในชีวิต ไม่นับที่แอบดูมาแล้วหลายครั้ง รู้สึกว่าเรื่องนี้จัดเรทต่ำไป หรือคุ้นชินกับวัฒนธรรมไทยมากเกินไปก็ไม่รู้ แต่ถ้าในต่างประเทศน่าจะโอเคแล้ว เพราะว่าหนังเรื่องนี้ เต็มไปด้วยคำหยาบ (จาก wikipedia บอกว่ามีการใช้คำว่า Fuck มากถึง 569 ครั้งตลอด 3 ชั่วโมง) การมีเพศสัมพันธ์และฉากโป๋เปลือยที่ไม่มีการเซ็นเซอร์ทั้งข้างบนและข้างล่าง.. ไม่ทราบว่าผ่านกองเซ็นเซอร์มาได้อย่างไร นอกจากนี้เหล้าเบียร์บุหรี่กัญชาโคเคนเฮโรอีน ถือว่าจัดเต็มมาทั้งเรื่องจริงๆ ใครที่ไม่ชอบหรือรับไม่ได้กับเรื่องประมาณนี้ แนะนำว่าอย่าดูเลยดีกว่า

โดยรวม ถือว่าเรื่องนี้ทำได้ดีเกินคาด คุ้มราคา DiCaprio เล่นได้สุดเหวี่ยงมาก แม้จะมีบางฉากไม่ค่อยสำคัญและสามารถตัดออกไปได้ แต่กลับไม่มีความน่าเบื่อสักนิด ดูได้เรื่อยๆ ตลอด 3 ชั่วโมง เป็นหนังที่สอนอะไรหลายๆ อย่าง ศัทพ์เทคนิคเยอะไปนิด ถ้าไม่รู้ศัพท์ธุรกิจ อาจจะงงบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับดูไม่รู้เรื่อง


โลกธุรกิจ สังเวียนเดือดของเจ้าป่า
เสน่ห์อย่างหนึ่งของ The Wolf of Wall Street คือการเปรียบเทียบโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการต่อสู้อันดุเดือดเช่นเดียวกับป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานา กระทิง หมี หรือสิงโต พวกมันต่างแย่งชิงความเป็นหนึ่งโดยไม่สนวิธีการ ผู้ชนะเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดและได้เป็นผู้ครอบครองป่าทึบที่ต้นไม้ออกใบเป็นแบงค์ดอลล่าร์แห่งนี้ คุณพร้อมที่จะเข้าสู่สังเวียนแล้วหรือยัง?


ชีวิต.. มีขึ้นก็ต้องมีลง
'ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า' เช่นเดียวกับลูกบอลที่ถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อถึงจุดสูงสุด มันก็จะค่อยๆ ตกลงมาสู่พื้นดินดังเดิม The Wolf of Wall Street นำเสนอสัจธรรมข้อนี้ เมื่อจอร์แดน เบลฟอร์ดชายหนุ่ม(เคย)เริ่มต้นชีวิตกับธุรกิจค้าหุ้น ด้วยพรสวรรค์ด้านการโน้มน้าวและกลโกงสารพัด ทำให้เขากลายมาเป็นประวัติศาสตร์แห่งวอลล์สตรีท ผู้ทำเงินได้กว่า 22 ล้านเหรียญในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง จนในที่สุด.. เวลานั้นก็มาถึง เวลาที่จอร์แดนถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์และฟอกเงิน ชีวิตของเขาก็ได้ตกต่ำลงอีกครั้ง


Sell me... this pen
'ขายปากกาด้ามนี้ให้ผมสิ' หลักการพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ Demand และ Supply ความต้องการซื้อเท่ากับความต้องการขาย The Wolf of Wall Street สอดแทรกไปด้วยแง่มุมทางเศรษฐศาสตร์ที่หลากหลาย ทำอย่างไรให้คนมาซื้อของ ทำอย่างไรเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด ด้วยกลโกงทางเศรษฐศาสตร์อันแยบยลที่ผู้บริโภคไม่เคยตระหนัก เอาล่ะ คุณ.. ขายปากกาด้ามนี้ให้ฉันสิ

The Wolf of Wall Street: 9/10

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

Open the door, Open the world

เขียนโดย Miiz16s ที่ 23:09 0 ความคิดเห็น
เคยไหม... กับการมองโลกผ่านหน้าต่างบานเล็กๆ
สิ่งที่เธอเห็นอยู่นั้นคืออะไร?

เธอมองเห็นนกบินผ่านไป แต่เธอไม่รู้จุดหมายของมัน
เธอมองเห็นเมฆก้อนใหญ่ แต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นรูปอะไร

มุมมองที่เธอเฝ้ามองอยู่ทุกวัน มันไม่แคบเกินไปหน่อยเหรอ?

อยากรู้ไหม... ที่ขอบฟ้านั้นมีอะไร? 

แค่เปิดประตูแล้วก้าวขาออกไป โลกกว้างใหญ่จะอ้าแขนรับเธอ


Just Open The Door
A New World's Waiting For You


_________________________________

หลังจากเปิดบล็อกมาเป็นอาทิตย์แต่ยังไม่รู้จะเขียนอะไรลงไป ด้วยและข้อจำกัดของเวลากับกองงานที่สูงท่วมหัวเยี่ยงเอเวอร์เรสต์ต่อกันสิบชั้นที่อาจารย์ระดมสั่งก่อนไฟนอล ''orz วันนี้ว่างๆ ความจริงคืออู้ เลยอยากจะอัพอะไรสักหน่อย

จุดประสงค์ของบล็อกนี้คืออะไร?
ณ เวลานี้นะ ฉันเป็นเด็กมอหกที่ยังไม่มีอนาคต ตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่ค่อยได้เปิดหูเปิดตา พ่อแม่หวงเพราะลูกสาวสวย หลายครั้งที่ฉันเฝ้ามองคนอื่นใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาชอบ ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาอยากเป็น เผลอคิดกับตัวเองว่าทำไมฉันถึงไม่โชคดีเหมือนคนเหล่านั้นบ้าง นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดผิด..

ย้อนไปเมื่อสามปีที่ผ่านมา ตอนที่กำลังจะขึ้นมอสี่ ทั้งที่พ่อแม่อยากให้ฉันเรียนวิทย์คณิต แต่ฉันกลับอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ฉันชอบ ฉันลังเล และกลัว.. ไม่กล้าคุยกับพ่อแม่เพราะกลัวจะทำให้พวกท่านเสียใจ กลัวจะถูกดุว่า จนในที่สุด ฉันตัดสินใจได้ว่า ฉันควรจะเดินไปในทางที่ฉันอยากเดินไม่ใช่เหรอ? ฉันตัดสินใจคุยกับพ่อแม่ และพวกท่านเข้าใจ

มันทำให้ฉันรู้ว่า "No one can line my way" ไม่มีใครมาขีดเส้นชีวิตของฉัน ยกเว้นตัวของฉันเอง ความไม่กล้าคือสิ่งกีดขวางสิ่งเดียวบนเส้นทาง ขอแค่ฉันขจัดมันออกไปได้ ฉันก็จะได้เดินไปตามทางที่ฉันอยากเดิน

สามปีที่ผ่านมา ฉันได้ใช้ชีวิตในแบบของฉัน ถึงแม้จะมีข้อจำกัดบ้าง มันก็เป็นความสนุก เป็นสีสันของชีวิตอย่างหนึ่ง ในขณะที่ฉันเดินทางไปเรื่อยๆ ฉันได้พบกับความทรงจำดีๆ ความทรงจำที่อยู่กับฉันเพียงชั่วคราว เมื่อฉันเดินไกลออกมา ความทรงจำล้ำค่าเหล่านั้นเริ่มเลือนลาง ถึงแม้จะรู้สึกเสียดาย แต่สิ่งที่เสียไปแล้วไม่สามารถย้อนคืนมาได้ ฉันตัดสินใจทิ้งสิ่งผ่านมาเอาไว้ข้างหลัง แล้วเริ่มต้นใหม่ตรงกลางทาง ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่ยอมให้ความทรงจำดีๆ เลือนหายไปอีกแล้ว

บล็อกนี้มีไว้เพื่อการนั้น... 

บล็อกนี้อัพอะไร?
No one can line your way สโลแกนของบล็อกนี้ แน่นอน My way ก็เช่นกัน อัพอะไรก็ได้ที่อยากอัพ บันทึกการเดินทางที่นานๆ ไปสักที เพราะทรัพย์แห้ง เรื่องราวต่างๆ ที่ได้ยินหรือได้ฟังมา รีวิวหนังที่ดูแล้วชอบ เรียกว่าบันทึกไว้กันลืมจะดีกว่า และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก -_-

ทุกความทรงจำจากนี้... จะอยู่กับฉันตลอดไป

 

I am Miiz Copyright © 2010 Design by Ipietoon Blogger Template Graphic from Enakei